tag:blogger.com,1999:blog-38077232761283041022024-02-21T00:53:10.187+07:00คุณธรรมจริยธรรมAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/04366073426899287794noreply@blogger.comBlogger3125tag:blogger.com,1999:blog-3807723276128304102.post-36811632030261183652012-08-22T17:18:00.004+07:002012-08-22T17:18:39.124+07:00<br />
<div align="center" style="background-color: white; font-family: Tahoma;">
<strong>ปรัชญาและคุณธรรมสำหรับครู และลักษณะครูที่ดี</strong></div>
<div style="background-color: white; font-family: Tahoma;">
<strong>ปรัชญาและคุณธรรมสำหรับครู</strong><br /><br /><br />ในความหมายของปรัชญาจัดว่าเป็นแนวอุดมคติในการดำเนินงานใด ๆ โดยใช้ปัญญา<br /><br />เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่คาดหวังไว้ เมื่อบุคคลได้เกิดความสนใจและใฝ่หาความรู้จากวิชาปรัชญาก็ย่อมได้รับอัตถประโยชน์อย่างมากมาย พอสรุปได้ดังนี้<br /><br />1. ปรัชญาสอนให้รู้จักความจริงอันสิ้นสุด เช่น พระเจ้ามีจริงหรือไม่<br />2. ปรัชญาสอนให้รู้จักทฤษฎีแห่งความรู้ เช่น การวิจัยจะนำไปสู่การค้นหาคำตอบได้<br />3. ปรัชญาสอนให้รู้จักความดีและความถูกต้อง เช่น การทำประโยชน์ให้แก่สังคมถือว่าเป็นความดี<br />4. ปรัชญาสอนให้รู้จักความงาม เช่น การประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่เป็นที่ชื่นชอบของสังคม อันก่อให้เกิดความเพลิดเพลินและเป็นสุขใจ<br />5. ปรัชญาสอนให้เกิดอุดมคติในการดำเนินชีวิตและการปฏิบัติหน้าที่การงาน เช่น สอนให้บุคคลเป็นครูในอุดมคติ หรือเป็นครูที่มีอุดมการณ์ที่จะช่วยพัฒนาชนบทอย่างแท้จริง<br />6. ปรัชญาสอนให้รู้จักประเมินคุณค่าในพฤติกรรมของบุคคลว่าถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่ </div>
<a name='more'></a><br />ดังได้กล่าวแล้วว่า ปรัชญาเป็นแนวอุดมคติในการดำเนินงานใด ๆ โดยใช้ปัญญาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่คาดหวังเอาไว้ สำหรับคุณธรรมคุณงามความดีของบุคคลที่กระทำไปด้วยความสำนึกในจิตใจ โดยมีเป้าหมายว่าเป็นการกระทำความดี หรือเป็นพฤติกรรมที่ดีซึ่งเป็นที่ยอมรับของสังคม<br /><br />ดังนั้น คุณธรรมสำหรับครู ก็คือคุณงามความดีของบุคคลที่เป็นครู ซึ่งได้กระทำไปด้วยความสำนึกในจิตใจ โดยมีเป้าหมายว่าเป็นการกระทำความดี หรือเป็นพฤติกรรมทีดีซึ่งเป็นที่ยอมรับของสังคม เช่น ครูที่มีความเสียสละ ครูที่มีน้ำใจงาม ครูที่มีความเกรงใจ ครูที่มีความยุติธรรม ครูที่รักเด็กและรักเพื่อนมนุษย์ ครูที่มีความเห็นอกเห็นใจลูกศิษย์ และครูที่มีมารยาทที่งดงามถือว่าเป็นครูที่มีคุณธรรมทั้งสิ้น<br /><br />โดยหลักการ ครูจะต้องเป็นทั้งนักปราชญ์ และผู้ทรงศีล เพราะสังคมได้ยกย่องให้ครูเป็นปูชนียบุคคล เป็นผู้ประเสริฐและประสาทความรู้ สร้างความเป็นคนและอบรมสั่งสอนเด็กให้เป็นเด็กที่ดีของสังคม ความจำเป็นที่จะต้องให้ครูเป็นทั้งนักปราชญ์ และผู้ทรงศีลดังกล่าวแล้วชี้ให้เห็นว่า ความเป็นนักปราชญ์ของครูนั้น ครูจะต้องมีความดีและถ่ายทอดดี สอนให้เด็กได้รับความรู้และสนุกมีชีวิตชีวา ส่วนความเป็นผู้ทรงศีลของครู ในฐานะที่ครูเป็นแม่แบบของชาติหรือเป็นต้นแบบในพฤติกรรมทั้งปวง จะช่วยให้ครูเป็นคนดี วางตัวดี เป็นที่เคารพและเป็นที่น่าเชื่อฟังของลูกศิษย์ จึงกล่าวได้ว่า ครูต้องมีคุณธรรม หรือคุณธรรมสำหรับครูเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับครูอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่าครูจำเป็นต้องมีคุณธรรม แต่คุณธรรมอย่างเดียวไม่เพียงพอครูต้องเป็นนักปรัชญาด้วย การเป็นนักปราชญ์ของครูจะช่วยให้ครูมีความรู้รอบ และรอบรู้ มีทัศนะกว้างไกลและลึก มองเห็นชีวิตของตนเองทั้งในปัจจุบันและอนาคตอย่างทะลุปุโปร่ง และช่วงมองอนาคตของเด็กให้ทะลุปุโปร่งด้วย เพื่อจะได้ประคับประคองสนับสนุน และส่งเสริมให้เด็กเจริญก้าวหน้าอย่างเต็มที่<br /><br />จึงสรุปได้ว่าปรัชญาและคุณธรรมสำหรับครูเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่เป็นครูเปรียบเสมือนกับโลหะธาตุที่มีเนื้อธาตุดี ย่อมเป็นโลหะที่ดี เช่นเดียวกันถ้าครูมีปรัชญาและคุณธรรมก็จะได้รับความยกย่องว่า เป็นครูดีของสังคมได้ (สงวน สุทธิ์เลิศอรุณ 2536:20–21)<br /><br /><br /><br /><strong>หลักคุณธรรมสำหรับครู</strong><br /><br />ผู้บริหารการศึกษา ครูอาจารย์ อยู่ในฐานะที่เป็นผู้นำและเป็นแบบอย่างที่ดีของนักเรียน นักศึกษา การที่ศิษย์จะเคารพนับถือและมีความศรัทธาต่อครูอาจารย์ของตนนั้น ครูอาจารย์ต้องมีคุณธรรมเป็นปัจจัยสำคัญ<br /><br /><br /><br />คุณธรรม 4 ประการ<br /><br /><u>ประการแรก</u> คือ การรักษาความสัจ ความจริงใจต่อตัวเอง ที่จะประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรม<br /><u>ประการที่สอง</u> คือ การรู้จักข่มใจตนเอง ให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในความสัจ ความดี<br /><br /><u>ประการที่สาม</u> คือ การอดทน อดกลั้น และอดออม ที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัจสุจริต ไม่ว่าจะด้วยเหตุประการใด<br /><u>ประการที่สี่</u> คือ การรู้จักละวางความเชื่อ และรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง<br /><br />คุณธรรมสี่ประการนี้ ถ้าแต่ละคนพยายามปลูกฝังและบำรุงให้มีความเจริญงอกงามขึ้นโดยทั่วกันแล้ว และจะช่วยใช้ประเทศชาติบังเกิดความสุข ความร่มเย็น และมีโอกาสที่จะปรับปรุงพัฒนาให้มั่นคงก้าวหน้าต่อไปได้ดังความประสงค์ ครู อาจารย์เป็นคนไทยคนหนึ่งที่ควรถือปฏิบัติตามหลักคุณธรรมดังกล่าวเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ สถาบันวิชาชีพครูจะได้มีความเจริญก้าวหน้า สังคมและประเทศไทยจะได้มีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป<br /><br />นอกจากหลักธรรม 4 ประการดังกล่าวมาแล้ว ผู้บริหาร ครู อาจารย์และเจ้าหน้าที่ในสถาบันการศึกษา ยังต้องประพฤติและปฏิบัติตามหัวข้อธรรมดังกล่าว เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ และนักเรียน อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ การเรียนการสอนก็จะต้องจัดตามความมุ่งหมายของรัฐ<br /><br />การศึกษาตามนัยแห่งแผนการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2520 เป็นกระบวนการต่อเนื่องกันตลอดชีวิต เพื่อมุ่งสร้างเสริมคุณภาพของพลเมืองให้สามารถดำรงชีวิตและทำประโยชน์แก่สังคม โดยเน้นการศึกษาเองสร้างเสริมความอยู่รอดปลอดภัย ความมั่นคงและความผาสุกร่วมกันในสังคมไทยเป็นประการสำคัญ จึงได้กำหนดความมุ่งหมายของการศึกษาไว้ 9 ข้อ<br /><br />ความมุ่งหมายของการศึกษา 9 ข้อ เน้นเรื่องคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะที่ดีงามของบุคคล เพื่อสร้างเสริมคุณภาพของพลเมือง ซึ่งอาจสรุปเป็น คุณลักษณะของคนไทยที่มีความจำเป็นจะต้องปลูกฝังให้ถึงพร้อมในสถานการณ์ปัจจุบัน ดังนี้<br /><br /><br /><br /><strong>คุณลักษณะของครูที่ดี 10 ประการ</strong><br /><br />1. ความมีระเบียบวินัย หมายถึง ความประพฤติ ทั้งทางกายและวาจาและใจ ที่แสดงถึงความเคารพในกฎหมาย ระเบียบประเพณีของสังคม และความประพฤติที่สอดคล้องกับอุดมคติหรือความหวังของตนเอง โดยให้ยึดส่วนรวมสำคัญกว่าส่วนตัว<br /><br />2. ความซื่อสัตย์สุจริตและความยุติธรรม หมายถึง การประพฤติที่ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ไม่เอาเปรียบ หรือคดโกงผู้อื่นหรือส่วนรวม ให้ยึดถือหลักเหตุผล ระเบียบแบบแผนและกฎหมายของสังคมเป็นเกณฑ์<br /><br />3. ความขยัน ประหยัด และยึดมั่นในสัมมาอาชีพ หมายถึง ความประพฤติที่ไม่ทำให้เสียเวลาชีวิตและปฏิบัติกิจอันควรกระทำให้เกิดประโยชน์แก่ตนและสังคม<br /><br />4. ความสำนึกในหน้าที่และการงานต่าง ๆ รวมไปถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและประเทศชาติ หมายถึง ความประพฤติที่ไม่เอารัดเอาเปรียบสังคมและไม่ก่อความเสียหายให้เกิดขึ้นแก่สังคม<br /><br />5. ความเป็นผู้มีความคิดริเริ่ม วิจารณ์และตัดสินอย่างมีเหตุผล หมายถึง ความประพฤติในลักษณะสร้างสรรค์และปรับปรุงมีเหตุมีผลในการทำหน้าที่การงาน<br /><br />6. ความกระตือรือร้นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย มีความรักและเทิดทูน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หมายถึง ความประพฤติที่สนับสนุนและให้ความร่วมมือ ในการอยู่ร่วมกันโดยยึดผลประโยชน์ของสังคมให้มากที่สุด<br /><br />7. ความเป็นผู้มีพลานามัยที่สมบูรณ์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ หมายถึง ความมั่นคงและจิตใจ รู้จักบำรุงรักษากายและจิตใจให้สมบูรณ์ มีอารมณ์แจ่มใสมีธรรมะอยู่ในจิตใจอย่างมั่นคง<br /><br />8. ความสามารถในการพึ่งพาตนเองและมีอุดมคติเป็นที่พึ่ง ไม่ไว้วานหรือขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นโดยไม่จำเป็น<br /><br />9. ความภาคภูมิและการรู้จักทำนุบำรุงศิลปะ วัฒนธรรม และทรัพยากรของชาติ หมายถึง ความประพฤติที่แสดงออกซึ่งศิลปะและวัฒนธรรมแบบไทย ๆ มีความรักและหวงแหนวัฒนธรรมของตนเองและทรัพยากรของชาติ<br />10. ความเสียสละ และเมตตาอารี กตัญญูกตเวที กล้าหาญ และความสามัคคีกัน หมายถึง ความประพฤติที่แสดงออกถึงความแบ่งปัน เกื้อกูลผู้อื่น ในเรื่องของเวลากำลังกายและกำลังทรัพย์<br /><br />คุณลักษณะ 10 ประการนี้ เป็นทั้งแนวทางและเป้าหมายในการจัดการศึกษาและอบรมสั่งสอนนักเรียน ของสถานศึกษาทุกระดับและเจ้าหน้าที่ในสถานศึกษาต้องถือปฏิบัติด้วยเช่นกันผู้บริหารการศึกษาคือผู้ที่เป็นหัวหน้าสถานศึกษา คือ ครู อาจารย์ ผู้อำนวยการ และรวมไปถึงผู้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วย หรือรองของตำแหน่งผู้บริหารทุกระดับเป็นผู้มีความสำคัญต่อการจัดการและพัฒนาจริยศึกษาในสถานศึกษาเป็นอย่างยิ่งเพราะผู้บริหารการศึกษาเป็นทั้งผู้นำและเป็นผู้วางแผนการต่าง ๆ ในการจัดการเรียนการสอนให้นักเรียนทั้งหลายได้รู้จักและเข้าใจในหลักจริยธรรม ไม่ว่าจะเป็นสถานศึกษาในระดับใดดังนั้นผู้บริหารจึงมีคุณธรรมและ<br /><br />จริยธรรมตามที่กำหนดไว้สำหรับอบรมสั่งสอนนักเรียนนักศึกษาครบทุกข้อโดยเฉพาะคุณธรรมและจริยธรรมเป็นธรรมที่ผู้บริหารทุกคนจะต้องปฏิบัติและตระหนักอยู่ในใจเสมอ คือ<br /><br />1. การมีความละอายในการทำความชั่ว ทำความทุจริตทั้งปวงและเกรงกลัวและสะดุ้งกลัวต่อความชั่วทั้งปวง ซึ่งคุณธรรมข้อนี้ช่วยให้โลกมีความเป็นระเบียบบเรียบร้อยไม่เดือดร้อนวุ่นวาย<br /><br />2. การมีความอดทน รู้จักอดกลั้นต่อแความยากต่าง ๆ ที่คนอื่นมีต่อตนและมีความสงบเสงี่ยม และความอ่อนน้อมถ่อมตน<br /><br />3. มีสติสัมปชัญญะเต็มเป็นอยู่ตลอดเวลา รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนสม่ำเสมอ ไม่มีการลืมตัวหรือละเลยต่อหน้าที่ต่าง ๆ<br /><br />4. รู้จักอุปการะ คือ ทำคุณประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น นึกถึงประโยชน์ของผู้อื่นเป็นที่ตั้ง พร้อมที่จะให้ความอนุเคราะห์แก่ผู้อื่น ในงานในหน้าที่และความรับผิดชอบของตน ไม่มีอคติในการปฏิบัติต่อผู้ร่วมงานต่อศิษย์ หรือ นักเรียนและบุคคลอื่น ๆ<br /><br />5. มีคุณธรรมประจำตน ในการที่ทำการงานในหน้าที่ของตนให้สำเร็จ(อิทธิบาท) 4 ประการมีความพอใจและเอาใจใส่ในหน้าที่การงานของตน มีความพากเพียรในการประกอบการงาน เอาใจใส่ในการงานไม่ทอดทิ้งและหมั่นตริตรองพิจารณาหาเหตุผลและวิธีที่จะทำให้การงานเจริญก้าวหน้าอยู่เสมอ<br /><br />6. มีคุณสมบัติอันประเสริฐ (พรหมวิหาร) 4 ประการ คือ มีความเมตตา ปรารถนาจะให้ผู้อื่นเป็นสุข มีความกรุณา สงสาร คิดหาทางให้ผู้อื่นพ้นจากทุกข์ มีมุทิตาปราบปลื้มยินดีในความสำเร็จ ความก้าวหน้าของผู้อื่นและมีอุเปกขา ความวางเฉย เห็นอกเห็นใจผู้ได้รับความทุกข์<br /><br />7. มีคุณธรรมที่เป็นเครื่องผูกน้ำใจผู้อื่นและบุคคลทั่วไป(สังคหวัตถุ) ๔ ประการอยู่เป็นการประจำ คือ ให้ปันสิ่งของแก่บุคคลที่ควรให้ปัน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อ แผ่แก่ผู้อื่นตามสมควรแก่กรณี(ทาน) มีวาจาอ่อนหวาน สุภาพเรียบร้อย(ปิยวาจา) ประพฤติตนเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อผู้อื่นและเป็นคนไม่ถือตัวไม่ถือยศศักดิ์ เข้ากันได้กับผู้ร่วมงานทุกคน ตามความเหมาะสมตามฐานะของตน (สมานัตตา)<br /><br />8. หมั่นศึกษาหาความรู้รอบตัว ให้มีความรอบรู้ เพื่อเป็นผู้ที่ทันต่อเหตุการณ์ บุคคลและปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในหน้าที่การงาน(พาหุสัจจะ)<br /><br />9. ประพฤติตนให้ห่างจากอบายมุขหรือทางแห่งความเสื่อมต่าง ๆ ไม่กระทำตนให้เป็นผู้เบียดเบียนตนเอง ผู้อื่น ผู้ร่วมงาน หรือนักเรียน นักศึกษาทุกคน และบุคคลทั่วไป (ชำเลือง วุฒิจันทร์; 2524 น. 117–119)<br /><br /><strong>กรรมการฝึกหัดครู</strong> (กระทรวงศึกษาธิการ กรมการฝึกหัดครู 2515 : 14–15)ได้กำหนดเกี่ยวกับสมรรถภาพในการเป็นครูว่าครูที่มีสมรรถภาพสูงนั้นควรมีคุณสมบัติ ดังนี้<br /><br />1. ทำการสอนให้เป็นอย่างดี<br /><br />2. สามารถทำการอบรม แนะแนว และปกครองได้เป็นอย่างดี<br /><br />3. ทำกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียนได้เป็นอย่างดี<br /><br />4.สร้างสัมพันธภาพได้เป็นอย่างดีและร่วมมือกับชุมชน<br /><br />5. เป็นครูชั้นอาชีพโดยรู้จัก<br /><br />1. เพิ่มพูนความรู้ให้แก่อาชีพอยู่เสมอ<br /><br />2. เป็นสมาชิกที่ดีของทางวิชาการ<br /><br />3. ยึดถือแบบธรรมเนียมของผู้เป็นครู<br /><br />4. ช่วยเหลือแนะนำครูใหม่<br /><br /><strong>สาโรจ บัวศรี</strong> ได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับการเป็นครูที่ดีในด้านสมรรถภาพว่าต้องมี<br /><br />คุณสมบัติ ดังต่อไปนี้<br /><br />1. สามารถทำการสอนได้เป็นอย่างดี โดยรู้จัก<br />
<blockquote dir="ltr" style="background-color: white; font-family: Tahoma; margin-right: 0px;">
1.ใช้หลักจิตวิทยาแห่งการเรียน<br />2.ใช้หลักการเจริญเติบโตและพัฒนาการเด็ก<br />3.ทำบรรยากาศที่เหมาะสมที่จะเกิดการเรียนรู้<br />4.วางแผนสำหรับการสอนอย่างถี่ถ้วน<br />5.ใช้วิธีการสอนแบบต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม<br />6.ใช้แบบทดสอบชนิดต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสมเพื่อวัดผลการเรียนวิเคาะร์แก้ไขและรู้จักวัดผลโดยทั่วไป 7.ปกครองชั้นและบริหารงานต่าง ๆ ของชั้นได้อย่างเรียบร้อยและราบรื่น ทำงานธุรการของโรงเรียนได้</blockquote>
<div style="background-color: white; font-family: Tahoma;">
2.สามารถอบรมแนะแนว และปกครองได้เป็นอย่างดี โดยรู้จัก</div>
<blockquote dir="ltr" style="background-color: white; font-family: Tahoma; margin-right: 0px;">
1.หลักการที่ว่า ถ้าทุกคนสร้างคุณธรรมและหลักธรรมต่าง ๆ ไว้ประจำตัวได้แล้ว<br />2.ใช้หลักการและวิธีการของการแนะแนว<br />3.สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับบิดามารดาและผู้ปกครอง<br />4.ใช้ผลของการวิจัย และผลของการทดสอบต่าง ๆ ให้เป็นประโยชน์ในการอบรม</blockquote>
<div style="background-color: white; font-family: Tahoma;">
3.สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียนได้เป็นอย่างดี โดยรู้จัก</div>
<blockquote dir="ltr" style="background-color: white; font-family: Tahoma; margin-right: 0px;">
1. ร่วมในการวางแผนจัดการ กิจกรรมในหลักสูตร หรือกิจกรรมร่วมหลักสูตรชนิดต่าง ๆ<br />2. รับหน้าที่และภาวะในการปฏิบัติกิจกรรมเหล่านั้นตามแผน<br />3. รักษาสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ร่วมงานทั้งปวงของโรงเรียน</blockquote>
<div style="background-color: white; font-family: Tahoma;">
4.สามารถสร้างสัมพันธภาพที่ดีและร่วมมือกับชุมชนเป็นอย่างดี โดยรู้จัก</div>
<blockquote dir="ltr" style="background-color: white; font-family: Tahoma; margin-right: 0px;">
1.ช่วยเหลือชุมชนในการแก้ไขปัญหาของชุมชน<br />2.ทำให้ชุมชนเข้าใจโรงเรียน และสนับสนุนในทางที่เหมาะสม<br />3.หาความร่วมมือจากมารดาบิดาของผู้ปกครอง<br />4.หาบุคคลอื่น และสิ่งต่าง ๆ ในชุมชนที่เป็นประโยชน์ในการสอน<br />5.ร่วมมือกับทางราชการปรับปรุงชุมนุมชน</blockquote>
<div style="background-color: white; font-family: Tahoma;">
5.สามารถเป็นครูชั้นอาชีพ โดยรู้จัก</div>
<blockquote dir="ltr" style="background-color: white; font-family: Tahoma; margin-right: 0px;">
1.เพิ่มพูนความรู้ให้แก่อาชีพครู โดยการเขียน การพูด การค้นคว้า การวิจัยการเป็นสมาชิกที่ดีของสมาคม หรือสถาบันทางการศึกษา<br />2.ยึดถือขนบธรรมเนียมของผู้เป็นครู และช่วยเหลือส่งเสริมเพื่อนครู<br />3.ส่งเสริมตัวเองให้งอกงามในทางวิชาการ ศึกษาอยู่เสมอ<br />4.ช่วยเหลือแนะนำผู้ที่เข้ามาเป็นครูใหม่ในโรงเรียนของตน</blockquote>
<div style="background-color: white; font-family: Tahoma;">
<strong>ธนู แสวงศักดิ์</strong> มีความเห็นว่าลักษณะของครูที่ดีนั้นควรมี 5 ประการ ดังนี้<br /><br />1. มีความสัมพันธ์กับนักเรียนดี คือ ครูจะต้องสนใจ เอาใจใส่ต่อปัญหาของนักเรียน คอยตอบปัญหาให้กระจ่าง แนะแนว รู้จักระงับอารมณ์ อดทน วางตัวเหมาะสม ไม่สนิทสนมกับเด็กมากเกินไปไม่ทำให้ขายหน้า รู้จักเปิดโอกาสให้นักเรียนประเมินผลการสอน และให้กำลังใจให้นักเรียนอย่างมีเหตุผล<br /><br />2. มีความรักในอาชีพครู มีส่วนช่วยแนะนำเพื่อปรับปรุงการเรียนการสอนอยู่เสมอ ทันสมัยต่อความรู้และกิจกรรมของครู<br /><br />3.ทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ มีความสามารถในอาชีพ<br /><br />4. มีจรรยาครู ไม่แพร่ข่าวลือ ซื่อสัตย์ต่ออาชีพ ไม่ขโมยผลงานของคนอื่น ไม่ให้ร้ายผู้อื่น มีมารยาทในการติดต่อสายงานทางด้านราชการไม่นำผู้อื่นมาพูดให้นักเรียนฟัง<br /><br />5. มีคุณสมบัติส่วนตัวดี มีสติปัญญาดี มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความคิดริเริ่ม มีความกระตือรือร้น เป็นกันเองกับนักเรียน<br /><br />6. มีรูปร่างท่าทางดี มีใบหน้าสะอาด ตัดผมเรียบร้อยสุภาพ เสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อย และเหมาะกับกาละเทศะ รักษาท่าทางให้สง่างาม ไม่สูบบุหรี่ หรือรับประทานอะไรระหว่างที่ทำการสอนอยู่<br /><br /><br /><br /><strong>คุณลักษณะที่ดีของครูที่ดีจากผลการวิจัย</strong><br /><br />ฝ่ายโครงการของวิทยาลัยครูบ้านเจ้าพระยา ได้ทำการวิจัยเรื่องลักษณะของครูที่สังคมต้องการ โดยนักเรียน ครู ผู้ปกครอง ในเขตกรุงเทพฯ เป็นกลุ่มตัวอย่าง ได้สรุปผล ดังนี้<br /><br />1. ด้านความประพฤติควรมีความประพฤติที่ดีเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เด็ก ๆ และสังคม<br /><br />2. ด้านความรู้ทางด้านวิชาการ ควรมีความรู้กว้างขวางนอกเหนือไปจากความรู้เฉพาะ<br /><br />3. ด้านการสอนต้องรู้จักพัฒนาปรับปรุงการสอนของตนให้ได้ผลดี<br /><br />4. ด้านการปกครองนักเรียน ควรฝึกนักเรียนให้มีวินัยควบคู่ไปกับการอบรมทางศีลธรรม<br /><br />5. ด้านมนุษย์สัมพันธ์ของครู ครูควรสร้างความเข้าใจและคุณความดีของสังคม<br /><br />6. ด้านบุคลิกภาพของครู ครูควรแต่งกายเหมาะสม มีอารมณ์มั่นคง มีเสียงพูดชัดเจน และมีลักษณะของความเป็นผู้นำ<br /><br />7. ด้านการทำงานนอกเวลา และงานอดิเรกของครู เห็นว่าครูควรทำได้ไม่กฎหมาย หรือขัดต่อขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม<br /><br />ผลงานการวิจัยของ เฉลียว บุรีภัคดี เกี่ยวกับคุณลักษณะของครูที่ดีโดยการรวบรวมข้อมูลจากนักเรียน ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ ผู้บริหาร พระ และผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนทั้งสิ้น 7,762 คน มี ดังนี้<br /><br /><br /><br /><strong>ครูที่ไม่ชอบมากที่สุด</strong> เรียงจากมากไปหาน้อย มี ดังนี้<br /><br />1.ขาดความรับผิดชอบ<br />2.การเป็นคนเจ้าอารมณ์<br />3.ขาดความยุติธรรม<br />4.เห็นแก่ตัว<br />5.ประจบสอพอ<br /><br /><strong>ครูที่ชอบมากที่สุด</strong> มี ดังนี้<br /><br />1.ตั้งใจสอนและสอนเข้าใจแจ่มแจ้ง<br />2.ความเข้าใจและเป็นกันเอง<br />3.ความรับผิดชอบ<br />4.มีความยุติธรรม<br />5.ความเมตตา<br />6.ร่าเริง แจ่มใส สุภาพ<br />7.มีวิธีสอนแปลก ๆ<br />8.มีอารมณ์ขัน<br />9.เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่<br /><br /><strong>ความบกพร่องของครู </strong>จากมากไปหาน้อย มี ดังนี้<br /><br /><u>ชาย</u><br /><br />1.ความประพฤติไม่เรียบร้อย<br />2.มัวเมาในอบายมุข<br />3.การแต่งกายไม่สุภาพ<br />4.การพูดจาไม่สุภาพ<br />5.ไม่รับผิดชอบการงาน<br /><br /><u>หญิง </u><br />1.การแต่งกายไม่สุภาพ<br />2.ความเป็นคนเจ้าอารมณ์<br />3.ประพฤติไม่เรียบร้อย<br />4.ไม่รับผิดชอบการงาน<br />5.ชอบนินทา<br />6.จู่จี้ขี้บ่น<br />7.วางตัวไม่เหมาะสม<br />8.คุยมากเกินไป<br /><br /><strong>หน้าที่ของครูที่จำเป็นมากที่สุด</strong> คือ<br /><br />1.สอนและอบรม<br />2.การเตรียมการสอน<br />3.หน้าที่ธุรการ เช่น ทำบัญชีเรียกชื่อและสมุดประจำวันชั้น<br />4.การแนะแนว<br />5.การศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม<br />6.ดูแลอาคารสถานที่<br />7.ทำความเข้าใจเด็ก<br /><br /><strong>ลักษณะของครูที่ดี</strong> เรียงตามลำดับ คือ<br /><br />1.ความประพฤติเรียบร้อย<br />2.ความรู้ดี<br />3.บุคลิกการแต่งกายดี<br />4.สอนดี<br />5.ตรงเวลา<br />6.มีความยุติธรรม<br />7.หาความรู้อยู่เสมอ<br />8.ร่าเริง แจ่มใส<br />9.ซื่อสัตย์<br />10.เสียสละ<br /><br /><strong>จำเนียร น้อยท่าช้าง</strong> ยังได้ทำการวิจัยเรื่องครูดีในทัศนะของเด็ก โดยเลือกสุ่มตัวอย่างจากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาในเขตการศึกษา 5 ทุกจังหวัด เป็นจำนวน 2,418 คน ชาย 1,203 หญิง 1,215 คน สรุปได้ดังนี้<br /><br /><u>เกี่ยวกับคุณลักษณะทั่วไปของครู</u><br /><br />1.ครูจะเป็นหญิงหรือชายก็ได้<br />2.อายุที่เหมาะสมของครูควรอยู่ในระหว่าง 31–40 ปี<br />3.สถานภาพสมรสของครูจะเป็นอย่างไรก็ได้<br />4.ครูที่สอนในระดับมัธยมศึกษาควรเป็นครูที่มีวุฒิในระดับปริญญาตรี<br />5.ครูควรมีความสามารถในการสอน โดยสามารถสอนได้ทั่วไป และมีความสามารถพิเศษเฉพาะรายวิชา<br />6.ในการเรียนวิชาใดวิชาหนึ่ง เช่น วิทยาศาสตร์ ปรากฎว่านักเรียนต้องการเรียนกับครูที่จบวิทยาศาสตร์เป็นวิชาเอกและจบวิชาครูมาด้วย<br /><br /><br /><u>เกี่ยวกับบุคลิกภาพลักษณะของครู </u><br />1.ครูควรมีความสงบเสงี่ยม ต้องระมัดระวังในการวางตัวเสมอ<br />2.ครูควรแต่งกายเรียบร้อย ไม่แต่งกายนำสมัย และใช้เครื่องสำอางแต่พอประมาณ<br />3.พูดจาไพเราะนุ่มนวลอยู่เสมอ<br />4.ครูควรพูดเสียงดัง<br />5.มีอารมณ์เย็น<br />6.เป็นกันเองกับเด็กนักเรียนและมีอารมณ์ขันบ้าง<br />7.มีสุขภาพแข็งแรงทั้งทางด้านจิตใจและก็ทางด้านร่างกาย<br />8.มีลักษณะเป็นผู้นำและเป็นผู้ที่พึ่งพิงได้<br /><br /><u>เกี่ยวกับทางด้านวิชาการของครู </u><br />1.ควรศึกษาและเพิ่มเติมความรู้อยู่เสมอในทุกด้าน<br />2.ควรมีความคิดริเริ่มและสร้างสรรค์<br />3.เคยเรียนวิธีสอนและผ่านการฝึกสอนมาก่อน<br />4.ควรมีวิชาความรู้วิชาวัดผล<br />5.ควรมีความรู้ในวิชาจิตวิทยา<br /><br /><u>การสอนและการปกครองของครู </u><br />1.ชอบครูที่ใช้อุปกรณ์การสอนช่วยในการสอน<br />2.ไม่ชอบครูที่มีความชำนาญแต่ไม่เตรียมการสอน<br />3.ชอบครูที่ให้งานและตรวจงานเสร็จเสมอ<br />4.ต้องการให้ครูสอนซ่อมนอกเวลาเรียน<br />5.ต้องการให้ครูมีกิจกรรมประกอบการสอนในบางโอกาส<br />6.ต้องการให้ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองบ้าง<br />7.ไม่ชอบครูที่เอาเวลาสอนไปทำงานอื่น<br />8.ชอบให้ครูยึดระเบียบ กฎเกณฑ์ ข้อบังคับ โดยเคร่งครัด ถึงจะมีการลงโทษก็ยินดี<br />9.การลงโทษไม่ต้องการให้ครูเฆี่ยนตี<br />10.นักเรียนต้องการเรียนดีถึงแม้ว่าความประพฤติจะด้อยไปบ้าง<br /><br /><u>ความประพฤติของครู </u><br />1.ไม่เห็นด้วยกับการที่ครูจะไปเที่ยวพักผ่อนในสถานเริงรมย์ต่าง ๆ<br />2.ไม่อยากให้ครูดื่มสุรา เล่นการพนัน ไม่ว่าจะเป็นที่สโมสรข้าราชการหรือสถาบันที่ทั่ว ๆ ไป<br />3.ครูควรประพฤติตัวดีกว่าข้าราชการอาชีพอื่น ๆ เช่น หมอ หมายความว่า ตำรวจ ทหาร และข้าราชการปกครอง<br />4.ครูควรประพฤติตัวเรียบร้อย แต่ไม่ถึงกับจะเหมือนผ้าพับไว้<br />5.ครูควรรู้วัฒนธรรม แต่ไม่ต้องเคร่งครัดมากนัก<br />6.ครูควรเป็นกันเองกับเด็ก<br /><br /><br /><u>มนุษย์สัมพันธ์ของครู </u><br />1.สามารถแนะนำให้เด็กได้ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องการเรียน<br />2.ไม่เห็นด้วยที่ครูแสดงตัวเป็นกันเองกับเด็กโดยการพูดจาแบบนักเลง ๆ<br />3.ชอบครูที่มีความยุติธรรมและเป็นคนใจดี<br />4.ไม่ชอบที่ครูจะเข้ากับผู้ปกครองโดยวิธีการร่วมดื่มสุราหรือเล่นการพนัน<br />5.ครูควรร่วมมือพัฒนาชุมชน เพื่อจะเข้ากับชุมชนได้<br />6.ครูควรเชิญผู้ปกครองมาร่วมปรึกษาหารือในการจัดกิจกรรมในโรงเรียนด้วย<br /><br /><strong>ครูเป็นผู้ให้กำเนิดพลเมืองที่ดี</strong> คือ ชุบพลเมืองให้เป็นนักรู้ นักทำงาน นักพูด นักเขียน นักตำรา นักประดิษฐ์ นักค้นคว้าเหตุผล นักปราชญ์ ฯลฯ เป็นต้น. </div>
<div style="background-color: white; font-family: Tahoma;">
<br /></div>
<div style="background-color: white; font-family: Tahoma;">
แหล่งที่มา <a href="http://www.kroobannok.com/2601">http://www.kroobannok.com/2601</a></div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/04366073426899287794noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3807723276128304102.post-10378469745889243262012-08-22T17:16:00.002+07:002012-08-22T17:16:41.238+07:00<br />
<h1 style="margin-top: 12.0pt; tab-stops: 36.0pt 180.0pt; text-align: justify; text-justify: distribute-all-lines;">
</h1>
<h1 style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 30px; line-height: 36px; margin: 0px; text-align: start; text-rendering: optimizelegibility;">
คุณธรรม จริยธรรมของครู อาจารย์ที่ควรรู้ และควรนำมาปฏิบัติ</h1>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
เนื่องจากสภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไปจนเกิดผลกระทบต่อการประพฤติปฏิบัติของครู อาจารย์ ทำให้คุณธรรมของครู อาจารย์ตกต่ำ จนเกิดวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับวิชาชีพครูในขณะนี้ อย่างไรก็ตามครูอาจารย์มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศมากที่สุดวิชาชีพหนึ่ง ดังนั้นจึงมีการพัฒนาคุณธรรมของครูอาจารย์ เพราะคุณธรรมกับครูเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ หากครู อาจารย์ขาดคุณธรรมความเป็นปูชนียบุคคลของครู อาจารย์ ก็จะหมดไป</div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
<strong> ความหมายของคุณธรรม</strong></div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2525 ให้ความหมายของคุณธรรมไว้ว่า เป็นสภาพคุณงามความดี (ราชบัณฑิตยสถาน. 2525 : 187)</div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
คาร์เตอร์ วี. กู๊ด (Carter V. Good. 1973 : 641) ให้ความหมายคุณธรรม ไว้ว่า คุณธรรมคือ คุณลักษณะที่ดีงาม หรือพฤติกรรมที่ปฏิบัติจนเป็นนิสัย และการที่บุคคลได้กระทำตามความคิดและมาตรฐานของสังคมในทางความประพฤติและจริยธรรม</div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
</div>
<a name='more'></a><br /><br />
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
<strong>ความสำคัญของคุณธรรม</strong></div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
คุณธรรมเป็นเสมือนหลักการสำคัญที่ให้ไว้สำหรับบุคคลหรือสังคมได้นำไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิต จะช่วยให้บุคคลปฏิบัติงานได้อย่างราบรื่น มีความสำเร็จในงานที่ทำ เป็นคนดีของครอบครัว สังคม และประเทศชาติ สำหรับครูอาจารย์กับคุณธรรมนั้นจะต้องเป็นของคู่กัน หากครูอาจารย์ขาดคุณธรรมเมื่อใดก็เหมือนกับนักบวชที่ไร้ศีล หลักธรรมสำหรับผู้ปฏิบัติหน้าที่ และของครู อาจารย์อีกข้อหนึ่งก็คือ</div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
<strong>หลักสังคหวัตถุ 4</strong> <strong> </strong></div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
หลักพุทธธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเรื่อง สังคหวัตถุ 4 ซึ่งเป็นหลักธรรมที่สอนให้คนมีความเอื้ออาทรต่อกัน เอื้อเฟื้อเกื้อกูล แบ่งปัน และไว้เนื้อเชื่อใจกัน และสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็น วัฒนธรรมองค์กรที่ดี “สังคหะ” แปลว่า การสงเคราะห์กัน สังคหวัตถุ 4 ก็คือ สิ่งที่เป็นเครื่องสงเคราะห์และยึดเหนี่ยวน้ำใจ ซึ่งกันและกัน 4 ประการ คือ</div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
<strong>1. ทาน</strong> คือ การให้ การบริจาค หรือการแบ่งปันวัตถุสิ่งของ รวมถึงอุปกรณ์ในการทำงานหรือเอกสารที่ใช้ในการทำงาน เช่น หากเพื่อนร่วมงานขาดอุปกรณ์สิ่งของ ก็นำมาแบ่งปันกันใช้ การเริ่มต้นด้วยการแบ่งปันวัตถุสิ่งของ ภายนอก จะช่วยสร้างนิสัยในให้ บุคลากรในหน่วยงานมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน มีการให้และรับ เพราะนอกเหนือจากการแบ่งปันเรื่องของความรู้ ประสบการณ์ อันเป็นความรู้ที่ฝังอยู่ในตัวคน แล้ว การแบ่งปันเอกสารต่าง ๆ ที่ใช้ในการทำงาน ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้วงจรของความรู้มีการขับเคลื่อน โดยเป็นการแบ่งปันความรู้ที่เป็นความรู้ที่ชัดแจ้งให้กับผู้เป็นศิษย์ด้วย<br /> วศิน อินทสระ (2523 : 22 – 24 ) องค์ประกอบของสังคหวัตถุ 4 ในส่วนของเรื่องทาน ได้แก่<br /><strong> ทาน</strong> ตามตัวอักษรแปลว่าการให้ จำแนกเป็นการให้สิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค เรียกอามิสทาน การให้ธรรม คำแนะนำ สั่งสอน ชักจูงในทางที่ดีเรียกว่าธรรมทาน การให้อภัยไม่ถือโทษล่วงเกินของผู้อื่นโดยเฉพาะเมื่อเขารู้สำนึกผิดแล้วมาขอโทษ เรียกอภัยทาน การงดเว้นไม่เบียดเบียนชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นก็เป็นอภัยทานเหมือนกัน<br /> อามิสทาน การให้วัตถุสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภค รวมเรียกว่า ปัจจัย 4 นั้นเป็นความจำเป็นสำหรับผู้อยู่ร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เป็นการแสดงน้ำใจต่อกัน ทำให้มีใจผูกพันกันในด้านความสำนึกคุณ การให้ด้วยวัตถุประสงค์ 3 อย่าง การให้วัตถุสิ่งของ ผู้ให้ย่อมมีวัตถุประสงค์ต่างกัน ให้เพื่ออนุเคราะห์บ้าง ให้เพื่อสงเคราะห์บ้าง ให้เพื่อบูชาคุณบ้าง การให้แก่คนลำบากยากจน แร้นแค้นบากหน้าเข้ามาพึ่งพิงขอความช่วยเหลือ การให้แก่ผู้น้อย ช่วยเหลือเขาให้พ้นความลำบากด้วยความกรุณา เรียกว่า ให้เพื่ออนุเคราะห์ การให้แก่คนเสมอกัน เพื่อรักษาไมตรีและน้ำใจกันไว้ เป็นการแบ่งปันเอื้อเฟื้อช่วยเหลือกันตามโอกาสที่มาถึงเข้าเรียกว่าให้เพื่อสงเคราะห์ทาน 3 ประเภท หรือ ทายก 3 จำพวก<br /> 1. ทานทาสะ บางทีเรียก ทาสทาน ท่านหมายถึงการให้ของเลวเป็นทาน คำว่าเลวนั้นหมายถึงเลวกว่าที่ตนบริโภคใช้สอยเองที่ท่านเรียกทาสทานเพราะอธิบายว่าตกเป็นทาสของความตระหนี่<br /> 2. ทานสหาย บางทีเรียกสหายทาน หมายถึงการให้ของที่เสมอกันอย่างเดียวกัน กับที่ตนบริโภคใช้สอยตนบริโภคใช้สอยอย่างไร เมื่อถึงคราวจะให้ผู้อื่นก็ให้อย่างนั้นเหมือนการให้แก่เพื่อนฝูง ผู้ให้ของเช่นนั้นท่านเรียกว่าทานสหาโย<br /> 3. ทานสามี บางทีเรียก สามีทาน การให้ของที่ดีกว่าตนบริโภคใช้สอย ส่วนมากเมื่อจะให้แก่ผู้ควรเคารพ ทายกมักให้ของดีเท่าที่ตนจะพอหาได้ เช่น ของที่นำไปให้ มารดาบิดา ครู อาจารย์ พระสงฆ์ หรือนักพรตผู้ประพฤติธรรม สังฆทาน การให้แก่สงฆ์หรือให้แก่หมู่คณะ การทำของน้อยให้มีผลมากพูดสำหรับการทำบุญกับพระก่อน ตำราทางพระพุทธศาสนาบอกเราว่า การทำบุญจะให้มีผลมากนั้นต้องประกอบด้วยสัมปทาคุณ 4 ประการ สัมปทา 4 (ความถึงพร้อม ความพร้อมแห่งองค์ประกอบ) ซึ่งจะทำให้ทานที่บริจาคแล้วมีผลยอดเยี่ยม<br /> <strong>2. ปิยวาจา</strong> คือ การเจรจาคำน่ารัก ได้แก การพูดถ้อยคำที่สุภาพอ่อนโยน ทำให้ผู้ฟังเกิดความเบิกบานสำราญใจ คำพูดที่เราพูดกันอยู่ทุกวันนี้ มี 2 ชนิด คือ ก. คำพูดที่พูดออกไปแล้ว ทำให้คนฟังเกลียดชังคนพูด และ ข. คำพูดที่พูดออกไปแล้วทำให้คนฟังรักคนพูด คำพูดประเภทที่ 1 คือคำพูดที่ทำให้คนฟังเกลียดคนพูด หมายถึง คำที่ไม่สุภาพต่าง ๆ ซึ่งรวมเรียกว่า คำหยาบ มีหลายชนิด เช่น คำด่า คำประชด คำกระทบ คำแดกดัน คำหยาบช้า คำจำพวกนี้รวมเรียกว่า อัปปิยวาจา คือคำพูดไม่เป็นที่รัก คำพูดประเภทที่ 2</div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
<br /></div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
<br /></div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
คือ คำพูดที่เป็น ปิยวาจา ตามนัยแห่งสังคหวัตถุ ข้อนี้ หมายถึง คำพูดที่อ่อนโยน ตรงกันข้ามกับคำพูดหยาบคายดังกล่าวนั้น เช่น คำว่า คุณ ท่าน ผม เธอ ฯลฯ ตลอดจนคำอื่น ๆ ตามที่นิยมกันว่าสุภาพในหมู่ชนนั้น ๆ เช่น ลุง ป้า น้า อา พี่ น้อง ฯลฯ รวมความว่าเป็นปิยวาจา คือ คำที่ไพเราะจับใจของคนฟังนั่นเอง<br /> วศิน อินทสระ (2523 : 22 – 24 ) องค์ประกอบของสังคหวัตถุ 4 ในส่วนของเรื่องปิยวาจา ได้แก่</div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
<strong> ปิยวาจา</strong> แปลว่า วาจาที่น่ารัก ก่อให้เกิดความดูดดื่มใจ ในทางธรรม หมายถึง วาจาสุภาษิต มีประโยชน์ มีเหตุผล ที่ทำตามแล้วให้เกิดประโยชน์ได้จริง ไม่ใช่วาจาที่พูดหลอกลวง ประจบประแจง ให้คนรัก คนหลง และเจือด้วยโทษ วาจาสุภาษิต นั้น ทางพระพุทธองค์แสดงไว้ว่า มีองค์ประกอบ 5 ประการ คือ พูดถูกกาลเวลา พูดคำจริง พูดอ่อนหวาน พูดมีประโยชน์ พูดด้วยเมตตาจิต</div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
ในขุททกนิกาย สุตตนิบาต พระไตรปิฏกเล่ม 25 หน้า 411 พระองค์ทรงแสดงวาจาสุภาษิต ว่า ประกอบด้วยองค์ 4 คือ</div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
- กล่าวแต่วาจาที่ดี ไม่กล่าววาจาที่ชั่ว</div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
- กล่าวเป็นธรรม ไม่กล่าวคำที่ไม่เป็นธรรม</div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
- กล่าววาจาน่ารัก ไม่กล่าววาจาอันไม่น่ารัก</div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
- กล่าวคำจริง ไม่กล่าวคำเหลาะแหละ</div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
รวมความว่า ผิดวาจา ก็คือ วาจาสุภาษิต การพูดดี พูดถูกกาลเวลา พูคำจริง พูดมีประโยชน์ พูด</div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
อ่อนหวาน และพูด้วยจิตเมตตา ส่วนคำพูดน่ารัก พูดเพื่อให้คนอื่นรัก ให้คนอื่นหลงแต่ขาดลักษณะแห่งวาจาสุภาษิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำหลอกลวง แม้จะฟังดูน่ารักเพียงใดก็ตาม ที่ผู้พูดได้ประดิษฐ์คิดค้นขึ้น วาจาเช่นนั้นก็ไม่เป็นปิยวาจา เพราะคำพูดนั้นไปทำลายประโยชน์ของผู้ฟัง</div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
<strong>3. อัตถจริยา</strong> แปลว่า ประพฤติประโยชน์ ได้แก่ การบำเพ็ญประโยชน์ ธรรมะข้อนี้มุ่งถึงการปรับปรุงตัวเอง 2 ประเด็นคือ ก. การทำตนให้เป็นคนมีประโยชน์ ข. การทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ในประเด็นแรกที่ว่า ทำตนให้เป็นคนมีประโยชน์ หมายความว่า ทำให้ตัวเรามีค่า มีราคา มีความดีที่พอจะเป็นประโยชน์แก่คนอื่นได้ด้วยวิธีทำตัวให้เป็นคนมีประโยชน์อาจทำได้หลายวิธี เช่น การศึกษาอบรมและการฝึกฝนตน ให้เป็นคนมีสมรรถภาพพอที่จะช่วยคนอื่นได้ เมื่อรวมความแล้วคนมีประโยชน์ก็คือคนมีกำลังในตัวคือ มีกำลังกาย มีกำลังความคิด มีกำลังปัญญา มีกำลังทรัพย์ ฯลฯ ในประเด็นที่ 2 คือ การทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เรื่องนี้เป็นเรื่องจ่ายกำลังออกไปช่วยคนอื่น คนใจกว้างจึงทำได้คนใจแคบเป็นแก่ตัวทำไม่ได้การทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่คนอื่นนั้นโปรดอย่าเข้าใจว่า ต้องถึงกับยอมตัวลงเป็นคนใช้ของคนอื่น ไม่ใช่อย่างนั้น ความมุ่งหมายเพียงเพื่อบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์แก่คนอื่น แสดงอัธยาศัย อันน่ารักน่านับถือเท่านั้นการบำเพ็ญประโยชน์ดังกล่าวนี้ เช่น ช่วยเหลือเพื่อนบ้าน ในคราวมีกิจ ช่วยบอกกล่าว สั่งสอนวิชาความรู้ ช่วยหางาน ช่วยแนะทางอาชีพให้ คนที่บำเพ็ญประโยชน์จะต้องปฏิบัติตนอีกอยางหนึ่งคือ เว้นจากการกระทำที่จะเป็นภัยแก่ผู้อื่นเสียทั้งสิ้น แม้แต่ของเล็กน้อย เช่น ทิ้งเศษแก้วตามถนนหนทางหรือทำลายสิ่งที่เป็นสาธารณะประโยชน์ให้เสียหาย<br /></div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
วศิน อินทสระ (2523 : 22 – 24 ) องค์ประกอบของสังคหวัตถุ 4 ในส่วนของเรื่องอัตถจริยา ได้แก่<strong><br /> อัตถจริยา</strong> การประพฤติประโยชน์ ที่แปลอัตถจริยาว่า การประพฤติประโยชน์นั้น เป็นการแปลตามตัวอักษรถือเอาหมายความว่า การบำเพ็ญประโยชน์ การทำตนให้เป็นประโยชน์ ต่อตนเองและต่อคนทั้งหลาย คนเราเกิดมามีอวัยวะแขนขาเหมือนกัน ใครจะมีค่าตัวมากหรือน้อยเพียงไร จะเป็นคนสูงหรือต่ำอย่างไร ก็สุดแล้วแต่เขาทำตัวให้มีประโยชน์มากน้อยเพียงไร บุคคลผู้บรรลุประโยชน์ตนแล้วก็ควรทำประโยชน์แก่ผู้อื่นบ้างตามกำลังสามารถ พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ช่วยตนเองได้ แล้วก็ควรช่วยผู้อื่นด้วยในการดำเนินชีวิตนั้น ควรให้ประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่นประสานกันคือให้ได้รับประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย อันที่จริงไม่มีประโยชน์ตนที่ประกอบด้วยธรรม (คือถูกต้อง) อันไดที่ไม่เป็นประโยชน์ผู้อื่น และในทำนองเดียวกัน ไม่มีประโยชน์ผู้อื่นอันใดที่ถูกต้องจะไม่เป็นประโยชน์ตนด้วย ประโยชน์ทั้งสองย่อมอาศัยซึ่งกันและกันดำเนินไป</div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
<strong>4. สมานัตตตา</strong> แปลว่า ความเป็นผู้มีตนเสมอโดยความหมายทางปฏิบัติ ผู้ศึกษาควรจำไว้ว่า สมานัตตตา คือ การวางตัวสมกับฐานะ คือ หมายความว่า เรามีฐานะเป็นอะไร เช่น เป็นลูก เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นผัว เป็นเมีย เป็นครู เป็นศิษย์ ฯลฯ ก็ให้วางตัวสมกับที่ตัวเป็น อย่าเย่อหยิ่งจองหอง เกินฐานะ อย่าปล่อยให้ต่ำต้อยน้อยหน้าจนเกินดี การปรับปรุงตนเอง วางตัวเอง ให้พอเหมาะสมกับฐานะของตัวนั่นแหละ คือ สมานัตตตา</div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
วศิน อินทสระ (2523 : 22 – 24 ) องค์ประกอบของสังคหวัตถุ 4 ในส่วนของเรื่องสมานัตตตา ได้แก่<strong><br /> สมานัตตตา</strong> แปลได้หลายนัยและความหมายดี ๆ ทั้งนั้น เช่น ความไม่ถือตัว คือ ไม่หยิ่งทะนงตน การวางตนเหมาะสมแก่ฐานะ ความเป็นผู้เสมอกันในสุขและทุกข์ คือร่วมสุขร่วมทุกข์ การประพฤติตนให้เหมาะสมแก่ภาวะบุคคลและเหตุการณ์ การประพฤติได้ ดังนี้ เป็นข้อหนึ่งในการยึดเหนี่ยวน้ำใจกัน ความเป็นผู้วางตัวอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ถือตัว คือ การวางตัวให้เหมาะสมกับฐานะ ไม่ขึ้น ๆ ลง ๆ ไปตามอำนาจของโลกธรรม คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เสื่อมลาภ เป็นต้น</div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
<strong>กล่าวโดยสรุป</strong> คุณธรรมเป็นเสมือนหลักการสำคัญที่ให้ไว้สำหรับบุคคลหรือสังคมได้นำไปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิต จะช่วยให้บุคคลปฏิบัติงานได้อย่างราบรื่น มีความสำเร็จในงานที่ทำ เป็นคนดีของครอบครัว สังคม และประเทศชาติ สำหรับครู อาจารย์กับคุณธรรมนั้นจะต้องเป็นของคู่กัน หากครู และอาจารย์ขาดคุณธรรมเมื่อใดก็เหมือนกับนักบวชที่ไร้ศีล สังคมขาดที่พึ่ง สถาบันการศึกษามัวหมอง ขาดการยอมรับจากสังคม เพราะฉะนั้น ครู อาจารย์ จะต้องมีหลักธรรมกำกับในการทำงานเพื่อการปฏิบัติหน้าที่จะได้ประสบผลสำเร็จ และเป็นที่พึ่งของเยาวชนโดยทั่วไป.</div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
<br /></div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
<br /></div>
<div style="background-color: white; font-family: 'Helvetica Neue', Helvetica, Arial, sans-serif; font-size: 13px; font-weight: normal; line-height: 18px; margin-bottom: 10px; margin-top: 10px; text-align: start;">
แหล่งที่มา <a href="http://www.gotoknow.org/blogs/posts/470440">http://www.gotoknow.org/blogs/posts/470440</a></div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/04366073426899287794noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3807723276128304102.post-49346930849446305042012-08-22T17:08:00.002+07:002012-08-22T17:08:29.961+07:00วินัยคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู<br />
<div align="center" style="background-color: silver; font-family: 'ms sans serif'; font-size: 12px;">
<span style="color: #000099; font-size: medium;"><strong>วินัยคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู</strong></span></div>
<span style="background-color: silver; color: #000099; font-family: 'ms sans serif'; font-size: x-small;"><div align="left">
การประเมินวินัย คุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู เพื่อให้ข้าราชการครู และบุคลากรทางทางการศึกษามีและเลื่อนวิทยฐานะ(ชำนาญการพิเศษ) จะประเมินใน 6 เรื่อง ได้แก่<br /> <span style="color: red;">1.พฤติกรรมการรักษาระเบียบวินัย</span> ได้แก่ การควบคุมการประพฤติปฏิบัติของตนเองให้อยู่ในกฎระเบียบของหน่วยงานและสังคมในกรณีมีความรับผิดชอบและซื่อตรงต่อการปฏิบัติหน้าที่ โดยยึดถือประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อส่วนรวมเป็นสำคัญ<br /> <span style="color: red;">2.การประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี</span> ได้แก่ พฤติกรรมการปฏิบัติทั้งพฤติกรรมส่วนตนและพฤติกรรมการปฏิบ้ติงาน ทั้งในเรื่องความสามัคคีและวิถีประชาธิปไตยในการดำเนินชีวิต<br /> <span style="color: red;">3.การดำรงชีวิตอย่างเหมาะสม</span> ได้แก่ การประพฤติปฎิบัติตนในการดำรงชีวิตที่ยึดหลักความพอเพียง การหลีกเลี่ยงอบายมุข การรู้รักสามัคคีและวิถีประชาธิปไตยในการดำเนินชีวิต<br /> <span style="color: red;">4.ความรักและศรัทธาในวิชาชีพ</span> ได้แก่ ความพึงพอใจและอุทิศเวลาในการปฏิบัติงานในหน้าที่ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ โดยมุ่งผลสำเร็จที่เป็นความเจริญก้าวหน้าของการจัดการศึกษา<br /> <span style="color: red;">5.ความรับผิดชอบในวิชาชีพ</span> ได้แก่ การปฏิบัติงานในหน้าที่โดยคำนึงถึงความถูกต้อง ความซื่อสัตย์สุจริต และผลประโยชน์ของหน่วยงานและผู้รับบริการเป็นสำคัญ<br /> <span style="color: red;">6.ค่านิยม และอุดมการณ์ของความเป็นครู และบุคลากรทางการศึกษา</span> ได้แก่ ค่านิยมพื้นฐาน 5 ประการ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ฯลฯ</div>
<div align="left">
</div>
<a name='more'></a><br />
<div align="left">
<br /><br /><strong><span style="color: red;"> <span style="font-size: small;"> วินัยและการรักษาวินัย</span></span></strong> 1.ครูต้องรักษาวินัยที่บัญญัติเป็นข้อห้ามและข้อปฏิบัติไว้ในหมวดนี้โดยเคร่งครัดอยู่เสมอ<br /> 2.ครูต้องสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยด้วยความบริสุทธ์ใจและมีหน้าที่วางรากฐานให้เกิดระบอบการปกครองเช่นว่านั้น<br /> 3.ครูต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เสมอภาคและเที่ยงธรรม มีความวิริยะ อุตสาหะ ขยันหมั่นเพียร ดูแลเอาใจใส่รักษาประโยชน์ของทางราชการและต้องปฏิบัติตนตามมาตรฐานและจรรยาบรรณวิชาชีพอย่างเคร่งครัด<br /> 4.ครูต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ และหน่วยงานการศึกษา มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาลโดยถืประโยชน์สูงสุดของผู้เรียนและไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ<br /> 5.ครูต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาซึ่งสั่งในหน้าที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของทางราชการโดยไม่ขัดขืนหรือหลีกเลี่ยง<br /> 6.ครูต้องตรงต่อเวลา อุทิศเวลาของตนให้แก่ทางราชการและผู้เรียนจะละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรมิได้ การละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่าสิบห้าวันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรหรือโดยมีพฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการเป็นความผิดวินัยร้ายแรง<br /> 7.ครูต้องประพฤติเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้เรียน ชุมชน สังคม มีความสุภาพเรียบร้อย รักษาความสามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกูลต่อผู้เรียนและระหว่างข้าราชการด้วยกันหรือผู้ร่วมปฏิบัติราชการ ต้อนรับ ให้ความสะดวก ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เรียนและประชาชนผู้มาติดต่อราชการ<br /> 8.ครูต้องไม่กลั่นแกล้ง กล่าวหาหรือร้องเรียนผู้อื่นโดยปราศจากความเป็นจริง<br /> 9.ครูต้องไม่กระทำการหรือยอมให้ผู้อื่นกระทำการหาประโยชน์อันอาจทำให้เสื่อมเสียความเที่ยงธรรม หรือเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ในตำแหน่งหน้าที่รชการของตน<br /> 10.ครูต้องไม่คัดลอกหรือลอกเลียนผลงานทางวิชาการของผู้อื่นโดยมิชอบหรือนำเอาผลงานทางวิชาการของผู้อื่นหรือจ้างวานให้ผู้อื่นทำผลงานทางวิชาการเพื่อไปใช้ในการเสนอขอปรับปรุงการกำหนดตำแหน่ง การเลื่อนตำแหน่ง การเลื่อนวิทยฐานะหรือการให้ได้รับเงินเดือนในระดับที่สูงขี้น การฝ่าฝืนหลักการดังกล่าวนี้เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง<br /> 11.ครูต้องไม่เป็นกรรมการผู้จัดการหรือผู้จัดการหรือดำรงตำแหน่งอื่นใดที่มีลักษณะงานคล้ายคลึงกันนั้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท<br /> 12.ครูต้องวางตนเป็นกลางทางการเมืองในการปฏิบัติหน้าที่และในการปฏิบัติการอื่นที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยต้องไม่อาศัยอำนาจและหน้าที่ราชการของตนแสดงการฝักใฝ่ ส่งเสริม เกื้อกูล สนับสนุนบุคคล กลุ่มบุคคล หรือพรรคการเมืองใด<br /> 13.ครูต้องรักษาชื่อเสียงของตนและรักษาเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนมิให้เสื่อมเสียโดยไม่กระทำการใดๆ อันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว</div>
<div align="left">
<br /><strong><span style="color: red;"> <span style="font-size: small;">จรรยาบรรณของวิชาชีพครู</span></span></strong> 1.ครูต้องประพฤติตามจรรยาบรรณของวิชาชีพและแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ<br /> 2.ครูต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพ และวิสัยทัศน์ ให้ทันต่อการพัฒนาทางวิทยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอยู่เสมอ<br /> 3.ครูต้องรัก ศรัทธา ซื่อสัตย์สุจริต รับผิดชอบต่อวิชาชีพ และเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพ<br /> 4.ต้องรัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริมให้กำลังใจแก่ศิษย์และผู้รับบริการตามบทบาทหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ<br /> 5.ครูต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ<br /> 6.ครูต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์ หรือผู้รับบริการ<br /> 7.ครูต้องให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาคโดยไม่เรียกรับหรือยอมรับผลประโยชน์จากการใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ<br /> 8.ครูต้องช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างสร้างสรรค์ โดยยึดมั่นในระบบคุณธรรม สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ<br /> 9.ครูต้องประสงค์ปฏิบัติตนเป็นผู้นำในการอนุรักษ์และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม รักษาผลประโยชน์ของส่วนรวมและยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข</div>
<div align="left">
<br /><span style="color: red;"><strong> <span style="font-size: small;">คุณธรรม จริยธรรมของครู</span></strong> </span><span style="color: #000066;">จริยธรรมเป้าหมายทั้งหมดมี 20 ประการ คือ<br /> 1.ครูต้องมีความขยันหมั่นเพียร<br /> 2.ครูต้องมีวินัยตนเอง<br /> 3.ครูต้องรู้จักปรับปรุงตนเอง<br /> 4.ครูต้องให้ความช่วยเหลือผู้อื่น<br /> 5.ครูต้องบำเพ็ญประโยชน์เพื่อชุมชน<br /> 6.ครูต้องเสียสละเพื่อสาธารณะประโยชน์<br /> 7.ครูต้องรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น<br /> 8.ครูต้องมีความกตัญญูกตเวที<br /> 9.ครูต้องไม่ประมาท<br /> 10.ครูต้องปฏิบัติต่อผู้อาวุโสในทางที่ดี<br /> 11.ครูต้องมีสัจจะและแสดงความจริงใจ<br /> 12.ครูต้องมีความเมตตากรุณา<br /> 13.ครูต้องมีความอดทน อดกลั้น<br /> 14.ครูต้องมีความซื่อสัตย์<br /> 15.ครูต้องมีระเบียบวินัยและตรงต่อเวลา<br /> 16.ครูต้องมีการให้อภัย<br /> 17.ครูต้องประหยัดและอดออม<br /> 18.ครูต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่<br /> 19.ครูต้องมีความรับผิดชอบ<br /> 20.ครูต้องจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์</span></div>
<div align="left">
<br /></div>
</span><div align="center" style="background-color: silver; font-family: 'ms sans serif'; font-size: 12px;">
<span style="color: #000099; font-size: x-small;"></span><span style="color: #000099; font-size: medium;"><strong>สมรรถนะของครู</strong></span></div>
<span style="background-color: silver; color: #000099; font-family: 'ms sans serif'; font-size: medium;"><strong></strong><div align="left">
<strong><br /></strong><span style="font-size: x-small;"> การประเมินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อให้มีและเลื่อนวิทยฐานะจะต้องประเมินสมรรถนะ 2 ด้าน ดังนี้</span></div>
<span style="font-size: x-small;"><div align="left">
<br /> <span style="color: red; font-size: small;"><strong>1.สมรรถนะหลัก ประกอบด้วย</strong></span> 1.1การมุ่งผลสัมฤทธิ์ ได้แก่ ความมุ่งมั่นในการปฏิบัติงานในหน้าที่ได้มีคุณภาพถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และมีการพัฒนาผลงานให้มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง<br /> 1.2การให้บริการที่ดี ได้แก่ ความตั้งใจในการปรับปรุงระบบบริการให้มีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการ<br /> 1.3การพัฒนาตนเอง ได้แก่ การศึกษาค้นคว้าหาความรู้ ติดตามองค์ความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ ในวงวิชาการและวิชาชีพเพื่อพัฒนาตนเองและพัฒนางาน<br /> 1.4การทำงานเป็นทีม ได้แก่ การให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือสนับสนุน เสริมแรงให้กำลังใจแก่เพื่อนร่วมงาน การปรับตัวเข้ากับบุคคลอื่นหรือแสดงบทบาทผู้นำ ผู้ตาม ได้อย่างเหมาะสม</div>
</span><div align="left">
<span style="font-size: x-small;"><br /> <span style="color: red; font-size: small;"><strong>2.สมรรถนะประจำสายงาน</strong></span><br /> 2.1การออกแบบการเรียนรู้ ได้แก่ ความรู้ ความเข้าใจ และความสามารถในการออกแบบการเรียนรู้และนำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างได้ผล<br /> 2.2การพัฒนาผู้เรียน ได้แก่ การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์และสุขภาพกาย จิตที่ดีให้ผู้เรียนสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข<br /> 2.3การบริหารจัดการชั้นเรียน ได้แก่ การจัดบรรยากาศการเรียนการสอน การทำข้อมูลสารสนเทศและเอกสารประจำชั้นเรียน/ประจำวิชาและการกำกับชั้นเรียนให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เต็มศักยภาพและสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างราบรื่น</span></div>
</span><span style="background-color: silver; font-family: 'ms sans serif'; font-size: 12px;"></span><div align="left" style="background-color: silver; font-family: 'ms sans serif'; font-size: 12px;">
<br /></div>
<div align="left" style="background-color: silver; font-family: 'ms sans serif'; font-size: 12px;">
<br /></div>
<div align="left" style="background-color: silver; font-family: 'ms sans serif'; font-size: 12px;">
แหล่งที่มา <a href="http://jan-ok.com/wizContent.asp?wizConID=36&txtmMenu_ID=7">http://jan-ok.com/wizContent.asp?wizConID=36&txtmMenu_ID=7</a></div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/04366073426899287794noreply@blogger.com0